รายงานจากอังกฤษระบุว่าพรีเมียร์ลีกได้มีการกำชับให้ผู้ตัดสินมีการผ่อนปรนในการใช้กฎแฮนด์บอลมากขึ้น หลังจากเรื่องนี้เป็นประเด็นอย่างรุนแรงในช่วงต้นฤดูกาลนี้
ลีกสูงสุดแดนผู้ดีซีซั่นนี้เตะกันไปแล้ว 28 นัด และมีจุดโทษทั้งหมด 20 ครั้ง ในจำนวนนั้นเป็นจุดโทษที่มาจากแฮนด์บอลถึง 6 ครั้ง คิดเป็น 30 เปอร์เซนต์ ซึ่งอัตราทั้งหมดถือว่าเพิ่มสูงขึ้นมากจากปีก่อนๆ
ปัจจัยสำคัญคือกฎแฮนด์บอลของ IFAB ได้มีการเข้มงวดมากขึ้นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะสำหรับผู้เล่นทีมรับ
มีการกำหนดชัดว่าหากในกรอบเขตโทษลูกฟุตบอลสัมผัสช่วงล่างของต้นแขนลงมาถึงมือ ในจังหวะแขนหรือมือทำให้ผู้เล่นคนนั้นมีขนาดตัวใหญ่ขึ้นโดยไม่เป็นธรรมชาติ จะถือว่าเป็นแฮนด์บอลจุดโทษทันทีแม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
ในทางเทคนิคแล้วนี่เป็นกฎที่ IFAB กำหนดมาตั้งแต่ซัมเมอร์ปี 2019 แต่ทางพรีเมียร์ลีกมีการดีเลย์และมาเข้มงวดใช้ในฤดูกาลนี้
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ คือเหยื่อรายล่าสุดของการเข้มงวดกฎนี้ โดยเป็นเหตุการณ์ที่ แอนดี้ แคร์โรลล์ ขึ้นโหม่งแล้วบอลไปโดนแขน เอริค ไดเออร์ จากด้านหลัง
กุนซือ โจเซ่ มูรินโญ่ ไม่พอใจกับเรื่องนี้อย่างแรง ขณะที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลก็มีท่าทีไม่เห็นด้วยแต่บอกว่าต้องทำใจยอมรับ
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ นายใหญ่แมนเชสเตอร์ ก็ไม่เห็นด้วยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการที่ทีมของเขาโดนเองตั้งแต่เกมเปิดฤดูกาลที่บอลไปโดนแขน วิคตอร์ ลินเดเลิฟ และเสียจุดโทษให้พาเลซ
ล่าสุด เดวิน ออร์นสตีน นักข่าวชื่อดัง รายกงานผ่าน The Athletic ว่าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาพรีเมียร์ลีกได้มีการประชุมเกี่ยวประเด็นนี้รวมถึงการได้หารือกับ IFAB ก่อนมีมติตกลงว่าจะอนุญาตให้ผู้ตัดสินผ่อนปรนกฎแฮนด์บอลนี้และใช้ดุลยพินิจมากขึ้น โดยเริ่มจากแมตช์วีคที่ 4 สุดสัปดาห์นี้เลย
รายงานระบุว่า พรีเมียร์ลีก และ สมาคมผู้ตัดสินอังกฤษ ไม่แฮปปี้กับกฎแฮนด์บอลใหม่นี้ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถไปเปลี่ยนตัวหนังสือที่ออกโดย IFAB ได้ แต่จะใช้ทางออกด้วยการบอกกับทีมเชิ้ตดำให้มีการผ่อนปรนมากขึ้น
ซึ่งนั่นจะหมายความว่าทุกจังหวะที่ลูกฟุตบอลโดนแขนหรือมือที่ยกขึ้นไปเหนือไหล่หรือศีรษะก็จะยังเป็นจุดโทษอยู่ เพราะฉะนั้นแล้วจังหวะของ ไดเออร์ ก็น่าจะยังถูกเป่า
ขณะเดียวกันตำแหน่งของแขนในการแนบลำตัวจะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสิน ซึ่งหากเป็นแบบนั้น ลินเดเลิฟ ก็จะไม่ทำให้ทีมเสียจุดโทษ
สนับสนุนโดย : Soccersuck , Ufabet4U